Learning
Log
การอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ
วันศุกร์
ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 (ภาคเช้า)
ในปัจจุบันการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมีความสำคัญและมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก
เพราะในหลายประเทศนั้นภาษาอังกฤษจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นในด้านการศึกษา
เศรษฐกิจ หรือแม้แต่การนำภาษาอังกฤษมาใช้ในเทคโนโลยีสื่อสารต่าง ๆ
ซึ่งประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งในประเทศเหล่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก
โดยการพัฒนาภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องเกิดจากตัวผู้เรียนเป็นสำคัญและควบคู่ไปกับการเรียนการสอนในศตวรรษที่
21
เพราะหากผู้สอนมีวิธีการสอนภาษาอังกฤษที่เหมาะสมและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญนั้นจะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ผู้สอนก็ยังสามารถนำสื่อที่ทันสมัยมาปรับใช้ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้หลากหลายขึ้นและยังสอดคล้องกับผู้เรียนในศตวรรษที่
21 อีกด้วย
จากแนวการสอนภาษาอังกฤษที่กล่าวมาข้างต้นนั้นดิฉันจะอธิบายเพิ่มเติมโดยเริ่มจากแนวการสอนแบบที่
1
คือ แนวการสอนที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษา
ซึ่งแนวการสอนแบบนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 วิธีสอน คือ
วิธีสอนที่ 1 สอนแบบไวยากรณ์และแปล (The Grammar –
Translation Method) วิธีสอนแบบนี้จะเน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปลเพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านตำราและวรรณคดีภาษาอื่น
ๆ ได้
และมีการใช้วิธีสอนแบบนี้ในการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์คือ
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทอ่านได้อย่างเข้าใจและเห็นคุณค่าของคำประพันธ์ในภาษาต่างประเทศ
วิธีสอนแบบนี้จะเน้นการท่องจำและความถูกต้องในการใช้ภาษา
ต่อมาวิธีการสอนแบบที่ 2 คือ วิธีการสอนแบบตรง (The Direct Method) วิธีสอนแบบนี้จะแตกต่างจากวิธีสอนแบบที่
1 โดยสิ้นเชิง เพราะวิธีสอนแบตรงจะอิงแนวคิดที่ว่า “ภาษา” คือ ภาษาพูด “การเรียนภาษา”
คือการให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่เรียนและเพื่อให้ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้นนั้นควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการที่จะคิดเป็นภาษาที่เรียนด้วย
ดังนั้น การเรียนการสอนภาษาจึงควรใช้ภาษาต่างประเทศที่เรียนนั้นอยู่ตลอดเวลา
และสื่อสารราวกับอยู่ในสถานการณ์จริง
ซึ่งวิธีการสอนแบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้
โดยอาจจะเริ่มจากการสอนระบบสียงให้ผู้เรียนฝึกการเลียนแบบเสียงและแยกเสียงได้ถูกต้องแล้วจึงให้ผู้เรียนฝึกฟังความหมายในประโยค
เช่น ประโยคคำถาม –คำตอบ หรือบทสนทนาสั้น ๆ
และวิธีสอนแบบที่ 3 คือ วิธีสอนแบบฟัง – พูด (The Audio –
Lingual Method) ซึ่งวิธีการสอนนี้จะอิงแนวคิดที่ว่า “ภาษา” คือ ภาษาพูด “การสอนภาษา”
จึงควรเริ่มจากการฟังและการพูดก่อนซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานไปสู่การอ่านและการเขียน
ดังนั้นภาษาที่นำมาให้ผู้เรียนเรียนนั้นควรเป็นภาษาที่เจ้าของภาษาใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน
จึงมีการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาด้วย
การเริ่มต้นด้วยภาษาพูดนั้นผู้เรียนจะไม่เห็นรูปแบบของภาษา
ผู้เรียนจะต้องเลียนแบบเสียงของผู้สอนจนผู้เรียนสามารถฟังเข้าใจมากขึ้น
วิธีสอนแบบนี้จะเน้นการท่องจำบทสนทนาก่อนแล้วจึงเริ่มฝึกการอ่านและการเขียน
ต่อไปเป็นแนวการสอนแบบที่ 2 คือ แนวการสอนที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งมี 4
วิธีสอนและ 3 การเรียนรู้ คือ วิธีสอนแบบเงียบ (The
Silent Way) เป็นวิธีสอนที่ กาเล็บ กเตนโย (Caleb Gattegno) เป็นผู้ริเริ่มขึ้นในต้นทศวรรษ 1960 วิธีสอนแบบนี้จะเน้นความรู้ความเข้าใจ
เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยให้ผู้เรียนคิดเอง, วิธีสอนตามธรรมชาติ
(The Natural Approach) เป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่มีใครสอน,วิธีสอนแบบชักชวน (Suggestopedia) เป็นวิธีสอนที่ผู้สอนควรโน้มน้าวให้ผู้เรียนได้ใช้พลังสมองของตนเองอย่างเต็มที่โดยขจัดความกลัว
ความวิตกกังวล และข้อห้ามต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนภาษา
และวิธีสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง
วิธีสอนนี้ได้แนวคิดมาจากงานวิจัยด้านจิตวิทยาพัฒนาการและทฤษฎีการเรียนรู้โดยจะเชื่อมโยงกับทฤษฎีของการจำในเชิงจิตวิทยา
และอีก 3
การเรียนรู้ของแนวการสอนที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ คือ การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative
Learning) เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกันเพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดให้,
การเรียนแบบเน้นภาระงาน (Task – Based Learning) เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ภาระงานเป็นหลักโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเรียนการสอน
ซึ่งภาระงานที่นำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาในการปฏิบัติภาระงานนั้นสำเร็จ
ภาระงานต้องทำให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดมุ่งหมายและตรงกับความต้องการของผู้เรียน
และการเรียนรู้จากการทำโครงงาน (Project – Based Learning) เป็นวิธีการสอนที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
แนวการสอนต่อมา คือ แนวการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการเนื้อหาและภาษา
ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ
การสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้
คือผู้เรียนใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และในขณะเดียวกันก็พัฒนาการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารไปด้วย
ดังนั้น การคัดเลือกเนื้อหาที่นำมาให้ผู้เรียนได้เรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะเนื้อหาที่คัดเลือกมาจะต้องเอื้อต่อการบูรณาการการสอนภาษาทั้ง 4 ทักษะ คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
เป็นกลวิธีการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ใช้วิธีการตั้งคำถามและกระบวนการแก้ปัญหาเป็นการเชื่อมโยงความคิดรวบยอดจากวิชาและประสบการณ์ต่าง
ๆ เข้าด้วยกันช่วยให้เกิดการถ่ายโอนการเรียนรู้
จากแนวการสอนภาษาอังกฤษที่กล่าวมาข้างต้นผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนของตนเองได้ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่
21 ซึ่งประกอบไปด้วยภาษาอังกฤษในฐานะภาษาแม่ (English) ทักษะการอ่าน (Reading) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และได้รับความรู้เพิ่มเติม
ซึ่งทักษะการอ่านเป็นทักษะพื้นฐานในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
และนำไปสู่ทักษะการใช้ภาษาอื่น ๆ (Language Arts) ได้แก่
การฟัง การพูด และการเขียนภาษาต่างประเทศ (World Language) นอกจากนี้ยังต้องบูรณาการในการจัดการเรียนการสอนซึ่งจำแนกได้เป็น
5 ด้าน คือ ความตระหนักเกี่ยวกับโลก ความรู้
ความเข้าใจด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง และความรู้ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม
จากการอบรมในหัวข้อ “วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21”
นั้นทำให้ดิฉันได้เรียนรู้แนวการสอนวิธีการสอน และการเรียนรู้ ที่แตกต่างกัน
ไม่ว่าจะเป็นแนวการสอนที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษา โดยมีวิธีการสอนแบบต่าง ๆ
ที่ดิฉันสามารถนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอนในอนาคตได้ และนอกจากนี้จะต้องสอดคล้องกับการจัดการเรียนในศตวรรษที่
21 ที่จะต้องเน้นผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง
ให้ผู้เรียนได้คิดเองทำเอง
ผู้สอนจะเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดความเข้าใจที่จะค้นพบกฎเกณฑ์ทางภาษาด้วยตนเองและจากเพื่อนมากกว่าการจดจำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น