สิ่งที่ได้เรียนรู้
Text types
รูปแบบการเขียนเป็นวิธีการเรียบเรียงเนื้อหาในการเขียน
ซึ่งมีโครงสร้างที่เป็นแบบแผน
มีคุณลักษณะและมีองค์ประกอบหลักที่ใช้การเขียนสำหรับรูปแบบนั้นๆ
ซึ่งรูปแบบการเขียนมีหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของงานเขียนนั้น เช่น เขียนเพื่อแสดงความรู้สึกหรือความคิดเห็น
เขียนเพื่อจินตนาการ เล่าเรื่อง เขียนเพื่อความบันเทิงหรือสนุกสนาน เขียนเพื่อบรรยาย
เขียนเพื่อโน้มน้าวหรือชักจูง ขอร้อง สืบสอบหรือตั้งคำถาม
หรือเพื่อทำความกระจ่างในความคิด ซึ่งแต่ละงานเขียนจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตาม
รู้สึกชอบและอยากติดตามในงานเขียนนั้น
ประเภทงานเขียนมีหลายประเภท
แต่ในที่นี้ดิฉันจะกล่าวถึงการเขียนบรรยาย การเขียนเล่าเรื่อง
การเขียนเล่าเหตุการณ์ การเขียนอภิปราย การเขียนอธิบาย การเขียนเกี่ยวกับวิธีการ
การเขียนรายงานสารสนเทศ การเขียนอธิบาย และการเขียนแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกตอบสนอง
งานเขียนประเภทแรกที่ดิฉันจะกล่าวถึงคือ การเขียนบรรยาย (Description) เป็นข้อเขียนที่ให้รายละเอียดของคุณลักษณะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง
ข้อเขียนแบบนี้จะใช้อยู่ในข้อเขียนแบบอื่น ๆ ด้วย ซึ่งจะกล่าวถึง อะไร ที่ไหน เมื่อไร ดูเป็นอย่างไร เสียงเป็นอย่างไร
กลิ่นเป็นอย่างไร ให้ความรู้สึกอย่างไร มีความเป็นพิเศษเพราะอะไร เป็นต้น การเขียนบรรยายจะแบ่งออกเป็น
3 ตอน ได้แก่ ตอนที่หนึ่งคือ ตอนนำ เป็นข้อความทั่วไปเกี่ยวกับเรื่อง
ได้แก่ ใครอะไร เมื่อไร ที่ไหน ตอนที่สองคือ
ตอนรายละเอียด เป็นการบรรยายคุณลักษณะบุคคล หรือสิ่งของ และตอนที่สามคือ ตอนสรุป
เป็นการสรุปใจความสำคัญ การเขียนประเภทต่อมาคือ การเขียนเล่าเรื่อง (Narrative)
เป็นข้อเขียนที่เล่าถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ให้ความบันเทิง กระตุ้น
หรือสอน
มุ่งที่จะให้ผู้อ่านเกิดความตั้งใจ และคงความสนใจไว้ได้นาน
การเขียนเล่าเรื่องมีหลายประเภท ได้แก่ ละครเหมือนชีวิตจริง เรื่องเชิงจินตนาการ
เรื่องผจญภัย นิยายเชิงวิทยาศาสตร์ เรื่องลึกลับ เทพนิยาย นิทาน ตำนาน เป็นต้น
การเขียนเล่าเรื่องจะแบ่งออกเป็น
4 ตอน ได้แก่ ตอนที่หนึ่งเป็นการเกริ่น
กล่าวถึง ฉากและตัวละคร ซึ่งจะรวม การกล่าวถึง “ ใครหรืออะไร ที่ไหน และ เมื่อไร” ตอนที่สองกล่าวถึงความยุ่งยาก
เป็นการกล่าวถึงความยากลำบากหรือปัญหา
ที่ทำให้การดำรงชีวิตหรือความสะดวกสบายของตัวละครเกิดความยุ่งยากขึ้น
และก่อให้เกิดลำดับของเหตุการณ์ที่น่าสนใจตามมา และลำดับเหตุการณ์
ซึ่งอาจประกอบด้วย การบรรยายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลำดับเหตุการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นกับตัวละครแต่ละตัว
การผสมผสานของลำดับ การแก้ปัญหา เป็นการกล่าวถึงผลสุดท้ายของเหตุการณ์
ซึ่งเป็นชุดที่ปัญหาได้รับการแก้ไข
ต่อมาคือ
การเขียนเล่าเหตุการณ์ (Recount) เป็นข้อเขียนที่เล่าถึงเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่ผ่านมา เรียงลำดับตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
การเขียนประเภทนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนนำ
เป็นการกำหนดฉาก โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับใคร อะไร เมื่อไร ที่ไหน และทำไม
เหตุการณ์ กล่าวถึง อะไรที่เกิดขึ้นตามลำดับของเวลา โดยใช้คำเกี่ยวกับเวลา รวมถึงคำคุณศัพท์
ข้อความที่เขียนเป็นเรื่องของอดีตกาล และตอนสรุป (Conclusion) เป็นการกล่าวถึงข้อคิดเห็นส่วนตัวว่า ผู้เขียนคิดอะไร รู้สึกอย่างไร
หรือตัดสินอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การเขียนมีลักษณะเป็นส่วนตัว
จึงใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง
ต่อมาคือ การเขียนอภิปราย (Discussion) เป็นข้อเขียนที่กล่าวทั้งข้อดีและข้อเสียของหัวข้อปัญหา
โดยแสดงเหตุผลที่สนับสนุนและคัดค้านในเรื่องนั้น การเขียนประเภทนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่หนึ่งที่ว่าด้วยหัวข้อปัญหา
เป็นการแนะนำหัวข้อปัญหาหรือหัวข้อเรื่อง ตอนที่สองว่าด้วยเหตุผล
กล่าวถึงประเด็นและหลักฐานของกลุ่ม ที่สนับสนุนและคัดค้าน
จะประกอบด้วยกลุ่มที่สนับสนุน และกลุ่มที่คัดค้าน สุดท้ายตอนสรุป
เป็นการสรุปความถึงเหตุผลและผู้เขียนให้ข้อเสนอแนะอะไร เพราะเหตุใด
การเขียนมีการใช้คำนาม สรรพนาม
และคำที่เชื่อมถึงเหตุผลที่แสดงถึงปัจจุบันกาลหรืออดีตกาล ลักษณะการเขียนต้องเป็นปรนัยที่ยุติธรรม
ใช้สรรพนามบุรุษที่สองหรือที่สาม
ต่อมาคือ
การเขียนอธิบาย (Expository)
เป็นข้อเขียนที่อธิบายหรือบอกถึงสารสนเทศ ประกอบด้วย
เรียงความเปรียบเทียบความเหมือนและความต่าง
เป็นข้อเขียนที่แสดงถึงความคล้ายคลึงและความแตกต่างระหว่างสิ่งสองสิ่ง
เรียงความเกี่ยวกับวิธีการ เป็นข้อเขียนที่บอกผู้อ่านถึงวิธีการทำ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เรียงความที่เป็นสารสนเทศ เป็นข้อเขียนที่ให้สารสนเทศตามลำดับที่เป็นเหตุผล ต่อมาคือ
การเขียนเกี่ยวกับวิธีการ (Procedure) เป็นข้อเขียนที่บอกให้ทราบว่า
จะสร้างหรือทำ สิ่งหนึ่งสิ่งใดได้อย่างไร การเขียนประเภทนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ เป้าประสงค์ เป็นการบอกถึงสิ่งที่จะสร้างหรือทำ
ซึ่งอาจรวมไปถึง การบรรยายสั้นๆ ถึงผลผลิตที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่ต้องการใช้
เป็นการกล่าวถึงรายการสิ่งที่ต้องการใช้ในการกระทำ
ต่อมาคือ การเขียนรายงานสารสนเทศ (Information report) เป็นข้อเขียนที่ให้สารสนเทศ โดยกล่าวถึงข้อเท็จจริง
โดยทั่วไปใช้บรรยายเกี่ยวกับประเภทหรือกลุ่มของคน สัตว์ สิ่งของ หรือ สถานที่ การเขียนประเภทนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนนำ กล่าวถึงนิยามหรือการจัดประเภท หรือคำบรรยายสั้นๆ
และตอนบรรยาย กล่าวถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นเป็นย่อหน้าๆไป อาจใช้ภาพถ่าย
ภาพวาด แผนที่หรือแผนผัง ประกอบด้วย หัวข้อย่อย ในการบรรยายที่ใช้กันมาก ได้แก่
เรื่องเกี่ยวกับ เรื่องเกี่ยวกับบุคคล เรื่องเกี่ยวกับสิ่งของ สถานที่
และสุดท้ายคือตอนสรุป เป็นการเขียนสรุปความหรือข้อคิดเห็น
เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริง จึงไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึก
ใช้คำที่มีความหมายกว้างๆและใช้สรรพนามบุรุษที่สาม
ต่อมาคือ การเขียนอธิบาย (Explanation) เป็นข้อเขียนที่อธิบายว่าบางสิ่งบางอย่างทำงานอย่างไรหรือบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทำไมจึงเกิดขึ้น การเขียนประเภทนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่
ตอนนำ เป็นข้อความทั่วไปเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องอาจประกอบด้วยนิยามหรือคำถาม
คำบรรยายสั้นๆ การอธิบาย
เป็นชุดของข้อความที่อธิบายตามลำดับในเรื่องบางสิ่งบางอย่างทำงานอย่างไร
ทำไมบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น และสรุป เป็นการสรุปความหรือให้ข้อคิดเห็น อาจประกอบด้วยการสรุปความหรือข้อเสนอแนะ
ข้อคิดเห็นทั่วไปเกี่ยวกับการใช้ และประวัติความเป็นมา
การเขียนแต่ละประเด็นสำคัญให้ขึ้นย่อหน้าใหม่ คำที่ใช้ได้แก่
ศัพท์เทคนิคหรือศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ คำกริยา และคำสันธาน
ข้อเขียนจะเป็นปัจจุบันกาล ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกและใช้สรรพนามบุรุษที่สาม
และการเขียนแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกตอบสนอง (Response) เป็นข้อเขียนที่ผู้เขียนบรรยายถึงปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องราวหรือเหตุการณ์
ใช้สำหรับการวิจารณ์ การให้ข้อมูลย้อนกลับ หรือการประเมิน เพื่อแสดงถึงความคิด
หรือความรู้สึกต่อสิ่งนั้นๆ ว่าอะไรเกิดขึ้น มีใครเกี่ยวข้องบ้าง
ทำไมจึงมีความพิเศษในเรื่องนั้น จะโต้ตอบอย่างไร เรื่องนั้นมีผลอย่างไรต่อผู้เขียน
ผู้เขียนรู้สึกอย่างไร และผู้เขียนคิดอะไรอยู่ การเขียนประเภทนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่เป็นการเกริ่นนำ เป็นการระบุเรื่องว่าอะไร ใคร เมื่อไร
และ ที่ไหน รายละเอียด
เป็นการบรรยายเรื่องและปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เขียนต่อเรื่องนั้น การบรรยายเรื่อง
อาจประกอบด้วย ตัวบุคคลหรือตัวละครที่เกี่ยวข้อง สรุปว่าอะไรเกิดขึ้น
มีลักษณะสำคัญอะไร การตอบสนอง และการสรุป
จากการเรียนรู้รูปแบบการเขียนประเภทต่างๆ นี้สามารถนำรูปแบบการเขียนไปเขียนให้เหมาะสมในแต่ละบริบท
ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบรรยายเรื่อง การเขียนจดหมาย ข่าว โฆษณา ใบปลิว
หรือแม้แต่งานเขียนการสัมภาษณ์ต่างๆ รวมไปถึงการเขียนอีเมล์ แฟกซ์ และกลอน
ซึ่งจุดประสงค์ในการเขียนจะเป็นไปตามความต้องการของผู้เขียน และเมื่อกำหนดจุดประสงค์ในการเขียนแล้วก็เท่ากับได้กำหนดรูปแบบการเขียนและในการเขียนดังกล่าวนั้นควรคำนึงถึงกฎเกณฑ์ในการเขียนด้วย
เพราะบางประเภทมีการบรรยายตามความจริง สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง
มีการสอดแทรกอารมณ์หรือความรู้สึกลงไปในงานเขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น